5 เทคนิคเด็ดสร้างประทับใจ ให้คู่เดท “วันวาเลนไทน์”

เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนคงมีแผนสำหรับนัดพิเศษที่จะพา หวานใจ ไปเดทใน วันวาเลนไทน์ นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นอกจากจะต้องหาสถานที่ที่เดทสุดโรแมนติกแล้ว ยังต้องนึกถึงของขวัญที่จะให้เป็นที่ระลึกในวันสำคัญนี้ด้วย

และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนรักประทับใจในค่ำคืน วาเลนไทน์ มากที่สุดคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากตัวของหนุ่มๆ นั่นเอง ซึ่ง ยิลเลตต์ แบ่งปันทริคง่ายๆ เพื่อให้หนุ่มๆ มั่นใจว่าคู่เดทของคุณจะรู้สึกประทับใจจนลืมคืนนี้ไม่ลง

1.บุคลิคต้องดี ถึงจะมีแต้มต่อตั้งแต่แรกเจอ
เห็นทีคำว่า First Impression จะเป็นสิ่งที่สำคัญสุดๆ ไปแล้ว เพราะยิลเลตต์ได้ลองสำรวจคนไทยและค้นพบว่า #คมจริงต้องนุ่มนวล เป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องมี เพราะสาวๆ กว่า 75% ล้วนตามหาผู้ชายที่มีความเด็ดขาดเฉียบคมที่ยังใส่ใจคนรอบข้าง ดังนั้น บุคลิก ของคุณจะต้องดูคมเข้มสุขุมในแบบที่หวานใจเห็นแล้วรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาได้ โดยอาจจะแสดงความสามารถในการตัดสินใจที่เฉียบคมโดยการออกตัวเสนอสถานที่ออกเดท และสามารถแสดงความอ่อนโยน ใส่ใจในความรู้สึกของคู่เดทโดยการใช้การโทรศัพท์เพื่อแสดงความจริงใจ ถ้าคุณทำแบบนี้ได้รับรองว่าสาวที่ออกเดทด้วยจะต้องปลื้มใจจนถึงขั้นที่อัพสเตตัสบอกเพื่อนว่า…คนที่เธอได้เดทด้วยน่าคบต่อขนาดไหน!

2.เดทนี้พี่เลี้ยงน้องเอง
หนุ่มคนไหนที่ติดใจวิธีหารค่าออกเดทแบบ American Share ก็คงต้องเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินกันสักเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยการเลี้ยง หวานใจ ในวันพิเศษก็สื่อให้เธอเห็นว่าเราให้คุณค่ากับเดทนี้มากแค่ไหน รวมทั้งยังบอกอีกด้วยว่าคุณนั้นสามารถดูแลเธอต่อไปได้ในอนาคต ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ต้องดูงบประมาณของตัวเองด้วย อย่าให้แผนออมเงินที่วางมาไว้อย่างดีต้องพังทลายลงไปต่อหน้า และเราเชื่อว่าคุณไม่อยากให้คู่เดทเห็นคุณค่าของคุณเพียงแค่ที่กระเป๋าสตางค์

3.สวมวิญญาณหนุ่มบริการ
ใครหลายคนที่กำลังอ่านข้อนี้อยู่จงหยุดคิดไกล เพราะรู้หรือไม่ว่าการกระทำง่ายๆ อย่างการเปิดประตูให้ หรือการเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งนั้นมีความหมายต่อคู่เดทของคุณมากแค่ไหน? นอกจากคุณจะดูเป็นสุภาพบุรุษที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีแล้ว ยังทำให้คู่เดทรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ รับประกันว่าเธอจะต้องรู้สึกประทับใจกับเดทนี้จนกลับบ้านไปนอนอมยิ้มอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ดูแลแค่เฉพาะช่วงโปรโมชั่น ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ควรเคารพการตัดสินใจของคู่เดท ถ้าเธอบอกปฏิเสธการเปิดประตูให้ เพราะการดื้ออาจทำให้เธอรู้สึกรำคาญได้

4.ห้ามเหล่หญิงอื่น แต่ก็ไม่จ้องตาเธอตลอดเวลา
เพราะผู้หญิงมีความไวของสายตาเป็นเลิศ ถ้าหากเธอจับได้ว่าคุณหันไปมองผู้หญิงหน้าตาสวยที่เดินสวนกัน หรือแม้แต่กระทั่งเหลือบตามองผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เธออาจรู้สึกไม่พอใจ และเริ่มที่จะสงสัยในความซื่อสัตย์ของคุณที่มีต่อเธอทันที วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ตาของคุณโฟกัสที่สันจมูกของเธอแทน ซึ่งจะทำให้เธอรู้สึกว่าได้รับความสนใจโดยที่ไม่โดนจับผิด

5.พูดบ้าง ฟังบ้าง แล้วจะรู้อะไรดีๆ  อีกเยอะ
เวลาออกเดทบางทีเราก็อยากจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กับคู่เดทฟัง แต่การที่คุณเปิดเรื่องของตัวเองให้เธอฟังก็เป็นการสื่อว่าคุณจริงใจกับเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรถามคำถามกลับและตั้งใจฟังเพื่อเปิดโอกาสให้เธอได้เล่าเรื่องของเธอเช่นเดียวกัน นอกจากคุณจะดูเป็นคนที่รับฟังและเข้าอกเข้าใจยังได้ข้อมูลเกี่ยวกับเธอเพื่อทำความเข้าใจว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ถ้าหากนำข้อมูลมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการมัดใจได้แล้วละก็ เชื่อว่าเธอต้องตกหลุมรักคุณโดยไม่มีข้อกังขาอย่างแน่นอน

เปิดตำนาน “วันวาเลนไทน์” เมื่อจุดเริ่มต้นที่แท้จริงไม่ได้มาจาก “ดอกกุหลาบ”

วันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ที่ผู้คน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะหนุ่มสาว จะถือเป็นวาระพิเศษ ที่จะแสดงความรักแก่กัน โดยมากก็จะเป็นการมอบของขวัญ การไปทานอาหารมื้อพิเศษ หรือมอบดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ยอดนิยม ก็จะเป็นดอกกุหลาบ

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว ดอกไม้ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของวาเลนไทน์ คือ ดอกอัลมอนด์สีชมพู ไม่ใช่ดอกกุหลาบ ตามที่หลายคนเข้าใจ

ตำนานเล่าว่า วันวาเลนไทน์ กำเนิดขึ้นมาในกรุงโรม หรืออาณาจักรโรมัน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ในช่วงยุคของจักรพรรดิคลอดิอุส ที่สอง ซึ่งมีนิสัยชอบข่มเหงรังแกผู้อื่น บังคับให้ชาวโรมันทุกคนต้องสักการะพระเจ้าทั้ง 12 องค์ และห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับพวกคริสเตียน ใครคิดต่อต้านจะได้รับทำโทษอย่างหนัก แต่มีนักบุญผู้หนึ่งที่ชื่อว่า วาเลนตินุส (Valentinus) เขามีเลื่อมใสศรัทธาต่อพระคริสต์เป็นอย่างมาก จนการได้รับการยกย่องเป็น เซนต์ วาเลนไทน์ ในภายหลัง ซึ่งมักจะคอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียน จนตัวเองถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก

ขณะที่กำลังถูกคุมขังอยู่นั้น ผู้คุมขังได้ร้องขอให้วาเลนตินุสช่วยสอนจูเลียผู้เป็นลูกสาวที่ตาบอดตั้งแต่เกิด แม้ว่าจูเลียจะเป็นหญิงงาม แต่ก็อาภัพมองไม่เห็น วาเลนตินุสจึงได้สอนประวัติศาสตร์ สอนการคิดคำนวณ และเล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟัง ด้วยความฉลาดของจูเลีย เธอจึงสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้อย่างถ่องแท้ และเธอก็รู้สึกเชื่อใจในตัววาเลนตินุส และมีความสุขอย่างมากเมื่ออยู่กับเขา

วันหนึ่ง จูเลียเอ่ยถามวาเลนตินุสว่า “หากเราอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านจะทรงได้ยินเราไหม” วาเลนตินุสจึงตอบไปว่า “พระองค์เจ้าได้ยินเราทุกคนแน่นอน” จูเลียจึงกล่าวต่อว่า “ท่านทราบหรือไม่ ในทุก เช้าเย็น ข้าทูลอธิษฐานขออะไร….ข้าต้องการอยากจะมองเห็นโลกใบนี้ และเห็นทุก ๆอย่างที่ท่านเล่าให้ฟัง” วาเลนตินุสจึงตอบกลับไปว่า “พระเจ้าย่อมมอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคน แต่ต้องมีความเชื่อมั่นในพระองค์เท่านั้นเอง” ด้วยความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า จูเลียจึงนั่งคุกเข่าและกุมมืออธิษฐานขอพรไปพร้อมๆกับ วาเลนตินุส และเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อจูเลียค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอก็สามารถมองเห็นได้ และเรื่องนี้ก็เป็นที่กล่าวถึงกันไปทั่วทั้งราชอาณาจักร

ก่อนที่วาเลนตินุสจะถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายให้แก่จูเลีย ซึ่งลงท้ายจดหมายว่า “From Your Valentine” วาเลนตินุสเสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 และศพของวาเลนตินุสถูกเก็บไว้ในโบสถ์พราซีเดสที่กรุงโรม ใกล้หลุมศพนั้น จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอนด์สีชมพู เอาไว้เพื่อมอบแต่วาเลนตินุสผู้เป็นที่รัก จนทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูหรือ หรืออัลมอนด์สีชมพู จึงกลายเป็นตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์และมิตรภาพอันแสนยาวนาน