เด็กนักเรียนชาวจีน หายตัวออกไปจากบ้านถึง 5 วัน ตำรวจตามไปเจออยู่กลางเมืองเฉิงตู สภาพมอมแมมเหมือนคนไร้บ้าน สอบถามอ้างว่าพ่อแม่ไม่ติด Wifi ให้ที่บ้าน ทำให้ต้องออกมาหาสัญญาณทำการบ้าน
สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามหาเด็กสาววัย 13 ปีคนหนึ่งได้สำเร็จ หลังหายตัวไปจากบ้านเป็นเวลาถึง 5 วันอย่างไร้ร่องรอย พ่อแม่ผู้ปกครองต่างวิตกกังวล เกรงว่าลูกสาวจะเป็นอันตราย กรณีนี้ยังมีการแชร์ช่วยกันตามหาเด็กสาวไปทั่วโซเชียลมีเดีย กระทั่งพบเจอตัวย้ายเข้าไปอยู่ในเขตเมือง
ตามรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กหญิง อายุ 13 ปี ได้เข้าแจ้งร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองตูเจียงหยาน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ไปราวๆ 80 กิโลเมตร เพราะลูกสาวของเขาได้หายตัวไป หลังจากเข้าเรียกชั้น ม.1 ที่เพิ่งเปิดเทอมภาคเรียนใหม่ไปในวันนั้น
กรณีของเด็กหญิงวัย 13 ปีรายนี้ ทางกรมตำรวจยังได้ออกประกาศติดตามหาเบาะแสของผู้ที่พบเห็น โดยโพสต์ลงช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา ท่ามกลางความเป็นห่วงของพ่อแม่ กระทั่งล่าสุดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเฉิงตูได้แจ้งเบาะแส พบเด็กหญิงผมสั้น ลักษณะคล้ายกับคนที่หายไปและคล้ายกับหนีออกจากบ้านมา จึงได้เชิญตัวไปที่สถานีตำรวจ
ภายหลังจากได้รับเบาะแส พ่อแม่ของเด็กหญิงรีบเข้าเมืองไปตรวจสอบ ก่อนจะยืนยันว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นลูกสาวที่หายตัวไปของพวกเขา จากการสอบสวนเบื้องต้น เด็กหญิงได้ให้การยอมรับว่า หนีออกมาจากบ้านจริง โดยหยิบเงินติดตัวมาราวๆ 300 หยวน ขึ้นรถไฟเข้ามายังเมืองเฉิงตู เพราะที่บ้านของเธอนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตไร้สาย หรือ Wifi
เด็กหญิงยังระบุต่อว่า เธอเพิ่งขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษา แล้วรู้สึกเครียดกับการเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเพียงแค่วันแรกก็ไม่มีหนทางจะทำการบ้านส่งครูได้เลย เพราะที่บ้านไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต เคยร้องขอให้พ่อแม่ติดตั้งสัญญาณที่บ้านแต่ก็ถูกปฏิเสธ
ต่อมาเธอจึงตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อไปหาสัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยนั่งรถไฟมายังศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่มีสัญญาณค่อนข้างดี ก่อนจะใช้สัญญาณนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ กระทั่งแบตเตอรี่หมดและติดต่อใครไม่ได้อีก เงินที่พกมาก็หมด ไม่สามารถนั่งรถกลับบ้านได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเปิดเผยอีกว่า ได้พบตัวของเด็กหญิงอยู่บริเวณสถานีรถไฟในเมืองเฉิงตู ลักษณะเหมือนคนไร้บ้าน แต่เมื่อยังเห็นเป็นเยาวชนจึงเข้าไปสอบถาม ขณะที่ในโทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงเป็นเครื่องเปล่า ไม่มีซิมการ์ด ใช้เพียงต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อเล่นเกม ทำให้สันนิษฐานว่าคำให้การหาของเด็กหญิงอาจเป็นเพียงข้อกล่าวอ้าง เพราะมีพฤติกรรมติดเกมมากกว่า