จะรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร พระมหาแดน วชิรปัญโญ

สำหรับบุคคลทั่วไปคำว่าการรักษาศีล 5 นั้น ดูเป็นเรื่องที่จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายจะว่ายากก็ไม่ยาก เทคนิคของการรักษาศีลนับเป็นอะไรที่ได้รับคำถามมากมายและเป็นเรื่องสนุกที่ต้องศึกษา กะแค่ข้อห้ามเพียง 5 ข้อ ทำไมหาได้น้อยคนที่จะตั้งใจทำ และถ้าทำได้แล้วจะมีผลดีต่อตัวเราอย่างไร เกี่ยวเนื่องอะไรกับกฏของธรรมชาติ ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ดิฉันต้องตั้งใจพิจารณาให้ดี เพราะการได้เข้าไปศีกษาธรรมะใน ธรรมสถานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สิ่งเดียวที่ท่านแม่ชีแนะนำก็คือ เธอต้องรักษาศีล 5 ไปก่อน ให้เป็นกิจวัตรปกติในชีวิตประจำวันของตัวเองให้ได้ รักษาศีล จนกว่าศีลจะรักษาเรา หรือที่เรียกว่า อธิศีล%e0%b8%a8%e0%b8%b5%e0%b8%a5โดยทุกวันเมื่อตื่นนอนมาแล้ว หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งใจสมาทานศีล 5 แบบง่ายๆ พูดว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม ศีลข้อ 4 ไม่มุสา ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราและของมึนเมา บัดนี้ข้าพเจ้านางสาวจินตนา วงศ์ต๊ะ จะขอตั้งใจรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดบัดนี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยศีลแล้ว ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยสังฆคุณ ขอท่านช่วยปกป้องคุ้มครองลูกให้พ้นจากวิบากเวรภัยทั้งหลายทั้งปวงสามารถรักษาศีล ปฏิบัติธรรม อย่างชาญฉลาด ตราบเท่าเข้าถึงมรรคผลนิพพานอย่างแท้จริงด้วยเทอญ โมทนาสาธุๆๆๆ

%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1

แน่นอนว่า สำหรับดิฉันคนที่ไม่เคยรักษาศีลมาก่อน ระหว่างวันปากก็มักจะเผลอไผล โกหกไปโดยไม่รู้ตัว หลวงแม่ค่ะจะทำอย่างไรดี คำตอบก็คือ เมื่อใดที่พลั้งเผลอหลุดผิดศีลไปแล้ว เช่นยุงกัด ก็ป๊าบ! เข้าให้ เสียใจก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแน่ๆๆ เราให้ทำอย่างนี้ค่ะ ทำผิดปั๊บให้สมาทานศีลให้ครบ 5 ข้อใหม่ ทันทีที่ทำผิด แม้จะผิดแค่ข้อเดียวก็ต้อง ยกมือสมาทานศีลทั้ง 5 ข้อใหม่ทันที แรกๆๆเราก็จะทำผิดหลายหน ต้องสมาทานเหนื่อยหน่อย แต่สักพักเมื่อเวลาผ่านไป เราจะเกิดปัญญาในการรักษาศีลขึ้นมา และทำให้ศีลของเราบริสุทธิ์มากขึ้น วิธีการนี้ถือเป็นการเจริญสติแบบหนึ่งที่เรียกว่า สีลานุสติกรรมฐาน

%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%8c

สำหรับผู้ที่ไม่เคยรักษาศีล มักจะมีคำถามว่า สมมติว่า ปกติเราก็ไม่ได้ทำผิดศีล 5 อยู่แล้ว อย่างงี้ก็ถือว่าเรารักษาศีลไปในตัวหรือเปล่า คำตอบก็คือ การรักษาศีล ต้องประกอบด้วยเจตนา และการทำผิดศีลก็ต้องประกอบด้วยเจตนา หรือเจตต์จำนง ถ้าเราไม่ตั้งใจสมาทานแม้เราไมได้ทำผิดก็ไม่ได้ถือว่าจิตเรามีเจตนารักษาศีล 5 และแน่นอนว่า หากวันใดมีข้อสอบบางอย่างมาลองใจ เราเองก็อาจจะทำผิดศีลก็ได้ เช่นเดียวกับการทำผิดศีล ถ้าบังเอิญเดินไป แล้วเหยียบมดตายทั้งๆที่ เราไม่เห็นและไม่ได้เจตนาจะฆ่า อย่างนี้ไม่ถือว่าศีลขาด แต่ถ้าพิจารณาตามกฏแห่งกรรมก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะมีการกระทบโลกเกิดขึ้น แต่จะยังไม่ขอกล่าวรายละเอียด ณ ที่นี้ เพราะซับซ้อนเกินไป ดังนั้นสรุปได้ว่า การรักษาศีลสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เจตนา

ถ้าถามว่า ข้อดีของการรักษาศีล 5 คืออะไร อย่างแรก รักษาศีล 5 ก็ปิดอบายภูมิ ไม่มีทางที่ท่านจะตกนรกได้แน่นอน และอย่างสูงที่สุดเมื่อไหร่ที่ท่านรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิตยอมตายไม่ยอมผิดศีล มีที่หมายเดียวที่ต้องการคือ พระนิพพาน และไม่ยึดติดในร่างกาย ท่านที่มีลักษณะเช่นนี้ ก็คือชาวบ้านชั้นดี ที่เรียกว่า ท่านโสดาบัน เหตุที่เรียกชาวบ้านชั้นดีเพราะท่านยังสามารถครองเรือนได้ สำหรับคนที่ทำผิดศีลตลอดกาลก็เรียกว่า คนทุศีล และคนที่ทำผิดบ้าง ถูกบ้างก็เรียกว่า ปถุชน   หากใครได้เคยอ่านศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง จะมีคำกล่าวถึงการรักษาศีลของคนในสมัยนั้น ดังนั้นนับได้ว่า การรักษาศีลอยู่คู่กับคนไทยมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องวิจิตรพิสดารหรือเหนือวิสัยของมนุษย์แต่อย่างใด

หากท่านสังเกตการเทศน์ของพระผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบหลายท่าน สิ่งที่ท่านมักจะพูดถึงเสมอๆ ก็คือ การรักษาศีล จะเรียกว่า ศีล คือ ตัวชี้วัดความปลอดภัยในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ และโลกหน้า ก็ว่าได้ ดังในหนังสือเรื่อง คิริมานนทสูตร มีช่วงหนึ่งที่ท่านได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ว่า “ผู้มีความรู้ฉลาดสักปานใด ไม่ควรถือตัวว่าเป็นผู้ยิ่งกว่าผู้มีศีล”ตัดตอนมาดังนี้ แม้จะเป็นผู้มีความรู้ความฉลาดมากมายสักปานใดก็ตาม ก็ไม่ควรจะถือตัวว่าเป็นผู้ยิ่งกว่าผู้มีศีล เหตุว่าผู้ที่ไม่มีศีลนั้นยังห่างจากพระนิพพานมาก ผู้ที่มีศีลชื่อว่า ใกล้ต่อพระนิพพานอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้อะไร รู้แต่เพียงถือศีลเท่านั้น ก็ยังดีกว่าผู้ไม่มีศีลอยู่นั่นเอง เพราะท่านเป็นผู้บางจากกิเลส—สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ ท่านแม่ชีแนะนำว่า ให้ลองรักษาศีล สักเดือนสองเดือนแล้วลองพิสูจน์ดูด้วยตัวเองว่า ชีวิตของท่านดีขึ้นจริงหรือไม่ หากว่าไม่ดี ท่านก็แค่เลิกทำไปเท่านั้นเอง ของแบบนี้ไม่ทำไม่รู้ แค่ฟังอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ ด้วยนิสัยของนักวิทยาศาสตร์อย่างดิฉัน ก็ต้องลองทำแล้ปรักษาศีลกันหน่อย ได้ผลการทดลองอย่างไรแล้ว ก็ค่อยสรุปผลการทดลอง และอภิปรายกันเป็นข้อๆๆ ไปเลย

แน่นอนค่ะ สิ่งที่ดีก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีวันยังค่ำ สัจธรรมก็คือสัจธรรม ฉันใดก็ฉันนั้น สรุปผลการทดลองของดิฉันก็คือ การรักษาศีล 5 นี้ดีจริง และไม่ยากอย่างที่คิด เพราะใช้เทคนิคการสมาทานบ่อยๆ จนในที่สุดก็เลิกสมาทานเพราะไม่ผิดอีกแล้ว เอาแค่ตื่นนอนกับก่อนนอนเพื่อย้ำเตือนตัวเองก็พอ ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงสภาวะจิตใจและสติปัญญาของตัวเอง สิ่งที่เคยคิดว่า ทำไม่ได้ ก็ทำได้ เมื่อวิชาศีล 5 มั่นคงพอควรแล้ว ก็ต้องเข้าสู่บทเรียนต่อไป