ญาติร่ำไห้! รับศพเด็ก ป.5 พ่อปฏิเสธลูกโดดคอนโด ไม่ได้น้อยใจแม่

พ่อเด็ก ป.5 แจงสาเหตุลูกชายวัย 10 ขวบ โดดคอนโดเสียชีวิต ยันไม่ได้น้อยใจแม่ แต่เครียดและกดดันที่ถูกครูอบรม ถูกเพื่อนล้อให้ลาออกจากโรงเรียน เหตุเข้าใจผิดว่าขโมยเงินที่บ้านมาโชว์เพื่อน

วันที่ 22 ก.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเด็กชายชั้น ป.5 โดดคอนโดมิเนียนย่านแยกรัชดา-ท่าพระ ได้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) โดยข่าวที่ออกไปว่าเด็กหยิบเงินของแม่ไป 6,000 บาท โดยไม่บอกและถูกแม่ต่อว่าจนคิดสั้นกระโดดคอนโดจากห้องพัก ชั้น 16 ลงมาที่ระเบียงคอนกรีตชั้น 6 จนเสียชีวิต ล่าสุด พ่อและญาติเดินทางมารับศพที่ นิติเวช รพ.จุฬา ด้วยอาการโศกเศร้า

โดยพ่อออกมาปฏิเสธข่าวสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมชี้แจงว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายได้หยิบเงินเก็บที่ช่วยครอบครัวขายของจำนวน 6,000 บาท ไปให้เพื่อนดูที่โรงเรียนโดยไม่บอกพ่อแม่และถูกครูยึดไว้ เนื่องจากจากคิดว่าไปขโมยเงินทางบ้านมา อีกทั้งยังถูกเพื่อนล้อและแซวว่า ให้เรียกพ่อแม่มาทำเรื่องลาออก จึงทำให้เด็กมีอาการเครียด ซึมเศร้า และอาเจียน ไม่ยอมไปโรงเรียน ซึ่งครอบครัวยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพราะเด็กไม่เล่าให้ฟัง

กระทั่งวันเกิดเหตุตนและภรรยาไม่ให้ลูกไปโรงเรียนเนื่องจากเห็นว่ายังป่วยอยู่ และให้นอนอยู่บ้านคนเดียว ตนและภรรยาไปขายของตามปกติ โดยครูที่โรงเรียนได้โทรมาถามว่าเป็นอะไรถึงไม่ไปเรียน ครูจึงเล่าให้ฟัง และบอกให้เด็กแต่งตัวไปโรงเรียนเพื่อรับเงินคืน

ตนจึงกลับไปที่บ้าน ถามว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังไหม ลูกบอกไม่มี จึงบอกว่าครูโทรมาเล่าฟังแล้วและเตือนว่า เอาเงินไปโรงเรียนมากๆ โดยไม่บอกเป็นการกระทำที่ไม่ถูกและบอกให้ไปแต่งตัว เพื่อไปรับเงินคืนที่โรงเรียน ซึ่งครั้งนี้ตนเห็นลูกแต่งตัวนานผิดปกติจึงตามหาแต่ไม่เจอ จนเข้ามาชะโงกมองลงไปที่ระเบียง ก็ถึงกับทรุด เมื่อรู้ว่าลูกกระโดดลงไปแล้ว

โดยผู้เป็นพ่อยังบอกอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับทุกครอบครัว และอยากให้ทางโรงเรียน ปรับเปลี่ยนการอบรมไม่ให้เด็กเกิดความอาย และควรให้ผู้ปกครองเข้าไปรับรู้การอบรมพร้อมๆ กับเด็ก

ขณะที่ นพ.อภิชาติ จริยาวิลาส โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า สังคมปัจจุบันที่ยุคสื่อออนไลน์เข้าถึงง่าย ผู้ปกครองต้องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดให้มากที่สุด เด็กเล็กๆ ไม่ควรให้บริโภคสื่อออนไลน์มากเกินไป เพราะมีทั้งคุณและโทษ หากจำเป็นต้องให้บริโภค ควรอยู่กับเด็ก คอยสอนว่าอะไรควร ไม่ควร อย่าให้สื่อออนไลน์มาเป็นพ่อแม่แทนเรา เพราะเด็กยังแยกแยะไม่ออกอาจตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้